การถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ แสงไม่แรงมาก
ถ่ายตามแสง มีพระอาทิตย์ส่องมาจากทางด้านหลัง
ก็สามารถปล่อยให้กล้องวัดแสง และทำการถ่ายภาพได้โดยปกติ
แต่เมื่อใดก็ตาม
ที่ถ่ายภาพในสภาพแสงสว่าง หรือ ถ่ายภาพมีสีขาวมาก
หรือ ถ่ายภาพในสภาพแสงที่มีเงามาก หรือถ่ายย้อนแสง
ระบบ การวัดแสงของกล้องจะทำให้ภาพที่ถ่ายได้.... มืดไป หรือ สว่างไป
ดังนั้นเราจะต้องทำการชดเชยแสง
โดยพิจารณา ว่า.....
"จะชดเชยแสง ให้มืดลง หรือ ชดเชยแสงให้สว่างขึ้น"
ตามลักษณะของภาพที่เราต้องการ
การวัดแสง เฉลี่ยทั้งภาพ กับ มาตรวัดแสง
เหมาะกับการถ่ายภาพโดยทั่วๆไป เช่นภาพวิวมุมกว้าง
และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายภาพที่ มีแสงเงา ซับซ้อน
จนต้องมีการ ชดเชยแสง เพื่อปรับแต่งระบบถ่ายภาพของกล้อง
เมื่อถ่ายภาพโดยใช้มาตรฐานที่กล้องได้ถูกโปรแกรมเอาไว้ (วัดแสงเฉลี่ย)
แล้วภาพดูสว่างไป เราก็จำเป็นต้องถ่ายใหม่
และ ถ้าต้องการ บังคับให้กล้องถ่ายภาพให้ "มืดลง"กว่าเดิม
ในโหมด Manual เราจะต้อง ปรับแต่ง ชัดเตอร์สปีด และ รูรับแสง
จนมาตรวัดแสง แสดงค่าติดลบ
และถ้าเป็นการถ่ายด้วยโปรแกรม ถ่ายภาพในโหมดต่างๆ
ก็จะต้อง กดปุ่ม EV หรือ ปุ่ม +/- ให้เข็มมาตรวัดแสง
เลื่อน ลงไปทางด้านลบ ดังภาพ
มื่อถ่ายภาพโดยใช้มาตรฐานที่กล้องได้ถูกโปรแกรมเอาไว้ (วัดแสงเฉลี่ย)
แล้วภาพดู มืดไป เราก็จำเป็นต้องถ่ายใหม่
และ ถ้าต้องการ บังคับให้กล้องถ่ายภาพให้ "สว่างขึ้น"กว่าเดิม
ในโหมด Manual เราจะต้อง ปรับแต่ง ชัดเตอร์สปีด และ รูรับแสง
จนมาตรวัดแสง แสดงค่า เป็น "บวก"
และถ้าเป็นการถ่ายด้วยโปรแกรม ถ่ายภาพในโหมดต่างๆ
ก็จะต้อง กดปุ่ม EV หรือ ปุ่ม +/- ให้เข็มมาตรวัดแสง
เลื่อน ขึ้นไปทางด้าน บวก ดังภาพ
เมื่อไรจะชดเชยแสง.
(วัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ)
เมื่อเวลาที่ภาพ ที่เรามองเห็นด้วยตา "มีสีดำ" หรือ ค่อนข้างมี "เงาดำมืด"
(ปริมาณสีดำ หรือ เงาดำมีมากกว่าสีขาว 70/30%)
ถ้าคุณต้องการให้ภาพ ออกมา มีสีดำ
และ สามารถถ่ายทอดความมืดได้อย่างสมจริง
เราจำเป็นที่จะต้อง ชดเชยแสง ให้เป็น .ลบ .
เมื่อเวลาที่ภาพ ที่เรามองเห็นด้วยตา "มีสีขาว หรือ ค่อนข้างมี "แสงสว่างค่อนข้างมาก"
(ปริมาณสีขาว หรือ แสงสว่างมากกว่าเงาดำ 70/30%)
ถ้าคุณต้องการให้ภาพ ออกมา มีสีขาว หรือ สว่าง
และ สามารถ มองเห็นรายละเอียดภายในภาพได้ เหมือนกับที่ตาเห็น
เราจำเป็นที่จะต้อง ชดเชยแสง ให้เป็น .บวก .
*(แต่จะชดเชยแสงมากน้อยเท่าไร คุณจะต้องลอง
คำนวนด้วยสายตา หมั่นตรวจสอบ เสมอๆด้วยการดูภาพจากจอ) LCD
ถ้าการชดเชยแสงให้เป็นบวก แล้ว
ภาพยังดูไม่สว่าง หรือ สว่างจนซีด
ก็ควรที่จะพิจารณาใช้ แฟลช หรือ แผ่นสะท้อนแสง
มา ประกอบ กับการถ่ายภาพไปด้วย
ย้อน แสง ไฟ
หรือ แสงฟุ้ง เพราะหมอกแดด
ด้วยตาเปล่า เราอาจจะคิดว่า ภาพน่าจะ สว่างพอดี
ไม่จำเป็นที่จะต้องชดเชยแสง
แต่ที่จริงแล้ว แสงไฟ จากดวงไฟ หรือ ป้ายโฆษณา
ถึงแม้ว่าจะเป็นแสงอ่อนๆ มีบริเวณ ไม่มากนักภายในภาพ
บางครั้ง จะมีผล ต่อความสว่างของภาพ
โดยเฉพาะ แสงฟุ้งเพราะหมอกแดด
ถึงแม้ว่าจะถ่ายภาพตามแสง มีดวงอาทิตย์อยู่ทางด้านหลัง
แต่ก็ยังต้องทำให้ถ่ายภาพ
ด้วยการ ปรับชดเชยแสง ให้เป็นบวก
คือ จะต้องปรับกล้อง ให้ถ่ายภาพให้สว่างกว่าเดิม
การถ่ายภาพ ใบไม้สีเขียว วัตถุสีเขียว หรือ สีน้ำเงิน
ก็จะมีผล คล้ายๆ กับการถ่ายภาพสีดำ หรือ ภาพเงามืด
การที่จะทำให้ภาพ ใบไม้สีเขียว มีความสว่างภาพดี
จะต้องปรับมาตรวัด หรือ ปรับปุ่มชดเชยแสงให้เป็น ลบ
การถ่ายภาพในแสงในธรรมชาติ
อาจจะมีความต่างของแสง ไม่เท่ากัน
ถ้าถ่ายภาพที่ มีความต่างแสงน้อย (Low Contrast)
หรือถ่ายภาพที่มีแสงเงาไม่รุนแรงมาก
การชดเชยแสง คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปซีเรียสกับมันให้มากนัก
ภาพที่มีแสงเงามาก (High contrast)
ภาพจะมีความน่าสนใจมาก แต่ การวัดแสง เพื่อการชดเชยแสง
ก็จะมีความยุ่งยากมากขึ้น
บทสรุปของการชดเชยแสง ก็คือ
การให้ความสำคัญระหว่าง
อัตราส่วน ของสีขาว และ สีดำ(แสงสว่าง และ เงาดำ)ภายในภาพ
การถ่ายภาพ ภายใต้สภาพแสงอ่อนและมีแสง เงา ที่ซับซ้อน
สิ่งที่จะต้องทำการพิจารณา เป็นอันดับแรกก็คือ …
ภายในภาพ มีสัดส่วนของเงาดำ และ แสงสว่าง ต่างกัน หรือ เท่ากัน อย่างไร
ทั้งนี้ ภาพที่สวยงาม
จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ที่ว่า...
ปริมาณ แสง ต้องไม่แรงจัดจนเกินไป
อ้างอิง. http://www.rpst-digital.org/forum/showthread.php?t=16250&page=9&pp=15